Friday, 30 December 2011

น้ำท่วม: อันตรายของการอบบ้านฆ่าเชื้อรา (Home Fumigation)



มีคนถามคำถามนี้ว่า " มีการเขียนแนะนำในบางที่ในโลกออนไลน์เรื่อง
การอบบ้านหลังน้ำท่วม (Home Fumigation) เชื่อได้หรือไม่ อันตรายหรือเปล่า"
เมื่อ meepole รู้เรื่องแล้วก็เลยตามหาดูก็พบว่ามีข้อแนะนำดังกล่าวจริง อ่านดูแล้ว ไม่สบายใจ ทำเฉยก็ไม่สบายใจเพราะรู้ว่าสิ่งนั้นไม่ถูก อันตราย และอยู่ในสายวิชาการที่เรียนมาด้วย แล้ววางเฉย หากวันหนึ่งมีข่าวถึงตายเพราะการกระทำที่ไม่รู้นั้น ก็จะเกิดความรู้สึกผิด  ถึงแม้จะเขียนเตือนตรงนี้ในที่แคบๆ ที่ไม่ค่อยมีโลกภายนอกรู้จักนัก เพราะไม่ไช่คอลัมน์บันเทิง ก็ยังดีที่มีผู้ใส่ใจคุณภาพชีวิตจริงๆที่เจาะเข้ามาถึงตรงนี้ได้ หรือไม่ก็ทุกข์มากกับเรื่องหนึ่งๆที่เผชิญเช่น เชื้อราจึงเจาะมาเจอ แต่อย่างไรก็ตามก้หวังว่าผู้ที่เข้ามาในนี้ได้ คงเมตตา กรุณา นำไปบอกต่อเพื่อให้อีกหลายๆส่วนได้รับรู้เพื่อความปลอดภัยเช่นกัน (เพราะ meepole ขอจำกัดโลกของตัวเองไม่ออกไปใช้เส้นทางออนไลน์ต่างๆที่มากกว่านี้)  กลับมาที่เรื่องนี้ว่าเมื่อตามไปเจอพบข้อความเช่นนี้ค่ะ

......เตรียมตัวออกจากบ้านให้พร้อม
   5.
นำผลึก ด่างทับทิม ใส่จานแบน ประมาณ 1 - 2 ช้อนชา
   6.
ราดฟอร์มัลดีไฮด์ 10% ลงในจานด่างทับทิมให้พอท่วม จะเกิดไอแสบจมูก

เอามาให้อ่านแค่นี้เพราะตรงนี้เป็นประเด็นหลัก  ..ก็ขอบอกว่าที่เขียนตรงนี้ก็ไม่ถูกต้องแล้ว แล้วอะไรคือที่ถูก ก็ตามอ่านข้างล่างนี้ ก็จะสามารถสรุปได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่ถูก

  หากจะถามว่าสามารถทำ Home Fumigation ได้ไหม ..โดยทฤษฎีทำได้ แต่จะได้ผลอย่างไร  อันตรายไหม ควรทำไหม คุ้มไหม เป็นอีกเรื่อง ดังนั้น meepole ขอตอบว่า


หลักการที่เขาแนะให้ทำนี้เป็นสิ่งที่เขาใช้กับห้องปฎิบัติการ หรือห้องวิจัยที่ต้องการความสะอาดมาก ไม่ต้องการให้เชื้อปนเปื้อนในอากาศ และโดยเฉพาะเชื้อรา  การฆ่าเชื้อราในที่จำกัด เฉพาะที่จึงทำเช่นนี้และทำโดยนักวิทยาศาสตร์ หรือผู้มีความเข้าใจในเรื่องอันตรายของสารที่จะนำมาใช้ผสมกันดีพอควร มีเครื่องป้องกันตัว และมีข้อควรระวัง meepole จึงขอให้ข้อมูลดิบดังนี้
อันตราย จาก Formaldehyde 
  • Formaldehyde gas fumigation คือ การฆ่าเชื้อจุลินทรีย์โดยการอบ/รมควันด้วยก๊าซ ฟอร์มาลดีไฮด์
  • ก๊าช Formaldehyde มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ทุกชนิด รวมทั้ง spore ในสภาวะที่อุณหภูมิสูงกว่า 20 C
การทำให้เกิดก๊าซ Formaldehyde
    Formalin + น้ำ + Potassium permanganate   เกิดเป็น ก๊าซ Formaldehyde (ที่บอกว่าเกิดไอแสบจมูกคือก๊าซนี้นี่เอง) ปฎิกิริยานี้สามารถเกิดปฏิกริยาที่รุนแรง ไฟไหม้  ระเบิด และเกิดอันตราย!!!!
    อันตรายของก๊าซ Formaldehyde
  • เป็นสารพิษต่อระบบประสาท (Neuro toxin) ทำให้นอนไม่หลับ
  • ทำให้ไอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และ เลือดออกทางจมูก
  • Formaldehyde ในอากาศ ที่ความเข้มข้นมากกว่า 0.1 ppm ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองตา และ เยื่อบุ ทำให้แสบตา น้ำตาไหลและหากสูดดมจะทำให้ ปวดศีรษะ แสบไหม้คอ หายใจลำบาก และ กระตุ้นให้เกิดอาการหืดหอบ
  • เป็นสารก่อภูมิแพ้ (Allergen)
  • เป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogen)
ข้อต้องปฎิบัติ ผู้ที่จะทำ Formaldehyde fumigation
  • - จะต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้รู้จักสาร อันตราย และความเข้มข้นที่ใช้ อันตรายและ การควบคุม เป็นต้น
  • - สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล
เวลาที่ใช้ในการอบฆ่าเชื้อ
  •  ก๊าซ Formaldehyde ออกฤทธิ์ช้าในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน
  • หากใช้ Formaldehyde > 1,000 ppm ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7 ชั่วโมง
  • แต่อย่าลืมว่าตามข้อบังคับ ควบคุมในห้องปฎิบัติการเตือนว่า
     COHSS Regulations
    “ Maximum Exposure Limit 2 ppm (2.5 mg/m3)”  ข้อจำกัดที่ได้รับไม่ควรเกิน 2 ppm เท่านั้น
  • ppm คือส่วนในล้านส่วน (part per million )

ดังนั้นจะเห็นว่ามีหลายประเด็นที่ไม่ได้คิดถึง ต้องมีการคำนึงถึงความเข้มข้นต่อพื้นที่ด้วย และสารที่ใช้คือฟอร์มาลิน ส่วนก๊าซที่เกิดคือฟอร์มาลดีไฮด์  และหากเตรียมไม่ถูกต้องก็อันตราย และที่มีข่าวไฟไหม้เกิดขึ้นจากการอบบ้านด้วยวิธีนี้ ก็เพราะไม่เข้าใจปฎิกิริยาเคมีที่เกิดต่อเนื่องนั่นเอง

นอกจากนี้ก๊าซนี้ที่เกิดขึ้น สำหรับคนที่ไม่รู้จักก็คิดง่ายๆเพียงว่าเปิดหน้าต่างก็หมดไป มันคงไม่เช่นนั้น มันมีการตกค้าง กลิ่นที่ถูกวัสดุดูดซับอีก มันจึงมีการใช้สารและบางวิธีการในการลดพิษดังกล่าว แต่meepole ไม่ขอนำมาเขียน เพราะไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้กับบ้านอยู่อาศัยของเรา เพราะมันมีโทษมากกว่า  ทราบแล้วช่วยกันบอกต่อ ก่อบุญนะคะ :)

ดังนั้นการที่คนนำมาเผยแพร่ซึ่งอาจได้รับต่อๆกันมาอีก และไม่ไตร่ตรอง ค้นคว้าก่อน แทนที่จะเกิดผลดี กลับอันตรายมาก ดังนั้นการบอกต่อๆเกี่ยวกับอะไรที่ต้องใช้สารเคมี ต้องระมัดระวังค้นคว้าอ่านให้ดีทั้งผู้ส่งข่าวและผู้เผยแพรต่อ บางครั้งไม่ได้บุญแล้ว ยังก่อบาปไม่รู้ตัวอีกด้วย