Friday 26 August 2011

อาหารต้องห้ามสำหรับผู้เป็นมะเร็ง

อาหารต้องห้ามสำหรับผู้เป็นมะเร็ง


หลายวันมาแล้วได้ไปเยี่ยมอาจารย์ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ได้เห็นอาหารต้องห้ามที่มีคนเอามาเยี่ยมหลายอย่าง เลยคุยให้ภรรยาท่านฟังว่าควรหลีกเลี่ยงอาหารพวกใดบ้าง เห็นว่าอาจเป็นประโยชน์บ้างเลยนำมาไว้ที่นี่


ทุกคนที่เป็นโรคนี้ต่างก็ต้องพยายามหาหนทางรักษาด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งไม่มีหลักตายตัว สุดแท้แต่ตำแหน่งที่เป็น สภาพร่างกาย และความเชื่อของแต่ละบุคคล นอกจากการรักษาโดยวิธีต่างๆแล้ว การควบคุมชนิดของอาหารเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งควรต้องงดรับประทาน เพื่อหลีกเลี่ยงอาการเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน และลดการขยายตัวของโรค ดังต่อไปนี้

1. อาหารกลุ่มที่จะทำให้ท้องอืด แน่นท้อง : ได้แก่ ข้าวเหนียว เนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก ขนุน เนื่องจากผู้ป่วยมะเร็งนั้นต้องระมัดระวังเรื่องระบบย่อยอาหารเป็นพิเศษ เพราะถ้าย่อยยาก เกิดท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือแน่นท้อง จุกแน่น จะทำให้เกิดแผลในกระเพาะมักจะแก้ไขยาก ควรรับประทานโปรตีนจากเนื้อปลาแทน

2. อาหารเผ็ดจัด เช่น แกงเผ็ด น้ำพริก ซึ่งจะทำให้แสบร้อนและระคายเคืองทางเดินอาหาร ทำให้พื้นที่ดูดซึมสารอาหารในลำไส้ลดลง ร่างกายก็จะรับสารอาหารได้ไม่เต็มที่ และสารในพริกจะกระตุ้นการบีบรัดตัวของลำไส้และกระตุ้นกระเพาะอาหาร อาจทำให้เกิดอาหารท้องเดิน และมีแผลในกระเพาะได้



3. อาหารไขมันสูง รวมทั้งครีม ไอศกรีม เพราะไขมันจะไปเกาะที่ตับ ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้เต็มที่

4. อาหารเค็มจัด เพราะกรณีที่ผู้ป่วยมีระบบปัสสาวะไม่ดี การรับประทานอาหารที่เค็ม อาจทำให้เกิดอาการบวมได้

5. อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมาก ของหวาน เช่น เครื่องดื่มพวกน้ำอัดลม น้ำหวาน ลูกกวาด เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาลซึ่งดูดซึมได้ง่าย ไปก่อให้เกิดระดับแรงดันสูงที่ลำไส้ ซึ่งจะนำไปสู่อาการท้องเสีย

6. อาหารกระป๋องทุกชนิด ที่ใส่สารกันบูด รวมทั้งอาหารที่ผ่านกรรมวิธีทำให้แห้งหรือเป็นผง ของหมักดองหรือผักดองต่างๆ

นอกจากนี้มีพวกเครื่องเทศบางชนิดที่มีรสร้อนแรง ชา กาแฟ สุรา น้ำตาลฟอกขาว แป้งขัดขาว เค้ก แตงกวา สับปะรด  อะโวคาโด และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงชั่วคราว โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรกของการรักษา คือ นม ชีส เนย ปลา เนื้อสัตว์ และไข่


ดังนั้นอาหารที่จัดให้แก่ผู้ป่วยมะเร็ง ควรเน้นอาหารที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและเสริมโปรตีน เพื่อให้ร่างกายที่ชำรุด มีโอกาสซ่อมแซมคืนสภาพเดิม ถ้าผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้น ภูมิคุ้มกันก็จะดีขึ้นตามลำดับที่สำคัญเหนืออื่นใดคือการให้กำลังใจ ไม่ทอดทิ้งกัน และการทำอารมณ์ให้ไม่เครียด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรที่ต้องเกิดก็เกิดไปแล้ว เหลือแต่เราที่ต้องระวังประคับประคองอารมณ์ให้เป็นปกติสุขเท่าที่ทำได้