Monday 9 July 2012

บั่นทอนชีวิต..กินไป คิดไป

ทราบไหมว่า...คุณกำลังบั่นทอนชีวิตหากกินไป คิดไป
 
คนสมัยนี้มักเข้าใจไปว่า การคิดไปด้วย กินไปด้วยเป็นการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งเวลาเป็นเงินเป็นทอง ก็ยิ่งต้องทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน ต้องรีบเร่งแข่งกับเวลาจนไม่มีเวลาทานอาหารแบบสบายๆ ต้องรีบทาน รีบไป รีบทำงานต่อ
หารู้ไม่ว่านั่นคือการบั่นทอนคุณภาพชีวิตและสุขภาพอย่างร้ายแรง การเร่งรีบทานอาหาร รีบเคี้ยวรีบกลืนนั้นเป็นที่มาของการทำให้ระบบการย่อยอาหารไม่ดี การเคี้ยวอาหารอย่างละเอียดมีส่วนสำคัญในการย่อยอาหาร เนื่องจากทำให้เอนไซม์ทำงานย่อยอาหารไปอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ชณะที่ทานอาหารจิตก็ไม่มีสมาธิกับงานใด ๆ แม้แต่งานเดียวแล้ว ยังทำให้ขาดสติ คิดเรี่ยราดหรือฟุ้งซ่าน กลายเป็นคนเจ้ากังวล จมกับความเครียด จนไม่รู้ตัว เหมือนสปริงที่ถูกกดทับนานๆสปริงก็ตาย การย่อยอาหารไม่เต็มที่ เสียเวลาในกระบวนการย่อยนาน เลือดต้องไปเลี้ยงสมองมาก นอกจากนั้นแล้วยังทำให้น้ำย่อยในกระเพาะหลั่งได้น้อยลงอีกด้วย
อาหารไม่ย่อยเกิดจากระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ การย่อยทำงานไม่มีประสิทธิภาพก็เกิดจากการรีบเร่งกินอาหาร ทำให้มีแก๊สในระบบย่อย และเกิดกรดเกินในกระเพาะ ทำให้เกิดอาการจุก เสียด แน่น บริเวณลิ้นปี่
ดังนั้นควรใช้เวลาในการบริโภคอาหารให้นานมากขึ้นด้วยการเคี้ยวอาหารนั้นอย่างละเอียด ใครที่กินอาหารด้วยจิตที่เครียด ว้าวุ่น ไม่ผ่อนคลายแบบนี้ ก็เตรียมเป็นโรคกระเพาะ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก หรืออาจส่งผลให้เกิดโรคอันตรายบางชนิดได้ และก็อย่าลืมพยายามให้เวลาตัวเองหลังอาหาร ก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมต่างๆต่อไป 
หากยังควบคุมตัวเองให้หยุดคิดได้ยาก คงต้องหาป้ายเตือนตัวเองแบบในรูปข้างบนมาแขวนหรือติดไว้เตือนตัวเองแล้วล่ะ