Saturday, 28 January 2012

ชีวิตเสี่ยงภัยเมื่อหมดโปรโมชั่น 1

 by meepole
ที่มาภาพ: learners.in.th

เมื่อวานสอนนักศึกษาวิชาชีวเคมีสิ่งแวดล้อมว่าด้วยเรื่องสารเคมีและสารพิษ ร่ายยาวไปทั้งสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม จากการเกษตร ในที่สุดเข้ามาไกล้ตัวคือในบ้าน และท้ายสุดสารปนเปื้อนอันตรายในอาหาร สอนไปก็ถามเรื่องที่คิดว่าเขาน่ารู้เพราะเป็นข่าวครึกโครมเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ออกตรวจเข้มจริงจัง แต่ตอนนี้หมดโปรโมชั่น เงียบสนิท หากไม่ระวังก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน

คงเคยเห็นพาดหัวข่าวหรือได้ยินข่าวทำนองนี้ออกมาเป็นระยะๆ

"หึ่ง!! เด็กอุ้มผาง มีสารตะกั่วในเลือดสูงเกินมาตรฐาน 60%" (ผู้จัดการออนไลน์ 25 สิงหาคม 2554 )หรือ  ..........สช. ชี้เด็กไทยยังเสี่ยงภัยจากสารพิษ "พลาสติก-ตะกั่ว"หนุนให้ความรู้ พ่อแม่-ชุมชน-ภาครัฐ ป้องกันการปนเปื้อน…………"สาธารณสุขอุดรฯ เตือนภัย สารตะกั่วในหม้อก๋วยเตี๋ยว"............  "อนามัย เตือนอันตรายตะกั่วจากหม้อก๋วยเตี๋ยวด้อยคุณภาพ ชี้ พิษสะสมมากเสี่ยงอัมพาต" (มิย. 2011) เป็นต้น อันนี้ทำเอาหม้อก๋วยเตี๋ยวไร้สารตะกั่ว หลายยี่ห้อทำเงินได้มากมาย

คนไทยเมื่อได้ข่าวทำนองนี้ ไม่ว่าจากงานวิจัยหรือจากเมื่อมีคนเข้ารพ.แล้วออกข่าว ก็จะตื่นตัว ตื่นตูม จากนั้นก็จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับลูกต่อ ประชุม ตั้งงบ ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ให้สัมภาษณ์ ใช้งบ หมด เรื่องเงียบ หมดโปรโมชั่น รอรอบใหม่ ..มันเป็นเสียอย่างนี้สำหรับเกือบทุกเรื่อง เงินหมดทีละเป็นหลายสิบถึงร้อยล้านสำหรับการรณรงค์แก้ปัญหาเรื่องหนึ่งๆ แต่ก็ไม่ได้ผลต่อเนื่องเพราะคนไทยไม่ตระหนัก ไม่ใส่ใจคุณภาพชีวิตจริงจัง ประมาท ส่วนมากจะสนใจเมื่อไกล้แก่ หรือป่วยแล้วเท่านั้น มาแก้ที่ปลายเหตุ การระวังป้องกันไม่สนใจ

เรื่องนี้มันไกล้ตัวเรามาก มันอยู่ในบ้านเราเลย แต่เรามักละเลย ลืม คิดไม่ถึง มันเลยเข้าไปสะสมในร่างกายเรา ลูกเล็กเด็กแดง จนตอนนี้มีข่าวสถิติที่เด็กไทย IQ เฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงของอนาคตของชาติเลยทีเดียว


โลหะหนัก: ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสุขภาพ

โลหะหนักเป็นสารที่คงตัว ไม่สามารถสลายตัวได้ในกระบวนการธรรมชาติจึงมีบางส่วนตกตะกอนสะสมอยู่ในดิน ตะกอนที่อยู่ในน้ำ รวมถึงการสะสมอยู่ในสัตว์น้ำซึ่งเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต ตัวอย่างโลหะหนักเช่น ตะกั่ว แคดเมียม ปรอท สารหนู

โลหะหนักเป็นวัตถุดิบที่ถูกนำมาใช้ในหลายภาคส่วน เช่น ในด้านอุตสาหกรรม เราใช้โลหะหนักในการผลิตพลาสติก พีวีซี สี ถ่านไฟฉาย สำหรับทางด้านการเกษตร โลหะหนักเป็นส่วนผสมของยาฆ่าแมลงและปุ๋ย ขณะเดียวกันทางการแพทย์ใช้โลหะหนักเป็นส่วนผสมของยา อุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องสำอาง

โลหะหนักบางชนิดให้ทั้งคุณและโทษต่อสิ่งมีชีวิต ขึ้นกับชนิดของสิ่งมีชีวิตและปริมาณที่ได้รับเข้าไป ในชีวิตประจำวันเรามีความเสี่ยงต่อการนำโลหะหนักเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการบริโภคอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีสารเหล่านี้ปนเปื้อนอยู่

  ที่น่าตกใจกว่านั้นคือสารโลหะหนัก ตะกั่ว มีผลต่อสมองและพัฒนาการของเด็ก พูดให้ตรงคือผลต่อสติปัญญา ที่เรามักพูดว่า IQ นั่นเอง เราคงไม่อยากให้ลูกหลานเราเกิดมาแล้วมีพัฒนาการทางสติปัญญาต่ำกันไช่ไหมคะ งั้นคงต้องระมัดระวังกันให้มากเพราะกว่าจะรู้ตัวมักสายเสียแล้วจริงๆ  

มีงานวิจัยมากมายมีการศึกษาและยืนยันตรงกันว่า ตะกั่วทำลายสมอง ไขกระดูก ระบบประสาท ตับ ไต หัวใจ  และทางเดินอาหาร ฯลฯส่งผลให้เกิดอาการ  ปวดศีรษะ รู้สึกสับสน ความจำเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อ  โลหิตจาง  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดอาการตกเลือด  เกิดอาการเพ้อ  ชัก เป็นอัมพาต
โดยปกติไม่ต้องห่วง (คิ คิ) เรามักจะมีตะกั่วอยู่ในกระแสเลือดไม่มากก็น้อยต่างๆกันอยู่แล้วเพราะสารนี้แพร่กระจายไปทั่วและมีในของใช้ ของกินในบ้านทุกบ้าน แต่กระนั้นเราจำเป็นต้องรู้ เข้าใจเพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับมากขึ้นจนส่งผลอันตรายต่อชีวิต

เราพบสารตะกั่วได้ที่ไหนในบ้านบ้าง
ในน้ำดื่ม น้ำประปา ภาชนะหุงต้มที่เชื่อมด้วยสารตะกั่ว ภาชนะจัดเก็บอาหาร ภาชนะ ceramics ที่มีตะกั่ว  แก้วน้ำ ช้อน ยาสมุนไพร หมึก แป้งทาตัวเด็ก (จุ้ยฮุ้ง) ตะกั่วถ่วงน้ำหนักม่าน สารตะกั่วจากหนังสือพิมพ์ สีที่ทาบ้าน ของใช้สีจัด ของเล่นเด็ก เป็นต้น


ตอนหน้ามาติดตามอ่านผลงานวิจัยเกี่ยวกับเด็กกับความเสี่ยงต่อภาวะพิษสารตะกั่ว
และระดับการพัฒนาการของสมองกันต่อนะคะ    

อ้างอิง                           
  • พญ จันทิมา ใจพันธ์ และคณะกุมภาพันธ์ 2553. การศึกษาความเสี่ยงต่อการได้รับสารตะกั่วของเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน สังกัดของกรุงเทพมหานคร  มหาวิทยาลัยมหิดล
  • Banks, E. C., Ferretti, L. E., & Shucard, D. W. (1997). Effects of low level lead exposure on cognitive function in children: A review of behavioral, neuropsychological and biological evidence. NEUROTOXICOLOGY, 18(1), 237-282. 
  • Binns, Helen J. - Ricks, Omar Benton Helping Parents Prevent Lead Poisoning. ERIC Digest
  • Canfield RL, Henderson CR Jr, Cory-Slechta DA, Cox C, Jusko TA, Lanphear BP., 2003. Intellectual impairment in children with blood lead concentrations below 10 microg per deciliter, N Engl J Med.;348(16):1517-26.
  • Rogan, W. J., Dietrich, K. N., Ware, J. H., Dockery, D. W., Salganik, M., Radcliffe, J., Jones, R. L., Ragan, N. B., Chisolm, J. J., & Rhoads, G. G. (2001). The effect of chelation therapy with succimer on neuropsychological development in children exposed to lead. NEW ENGLAND JOURNAL OF MEDICINE, 344(19), 1421-1426. 
  • Yeoh B et al., 2009. Household interventions for prevention of domestic lead exposure in children, Cochrane summaries.

Friday, 13 January 2012

ระวังของไม่หมดอายุ คนกิน(อาจ)หมดอายุได้


เปรียบเทียบวันเดือนปี ขวามือกล่องที่ยังปกติ

เมื่อสองสามวันที่แล้ว เป็นอันต้องแปลกใจกับสินค้าที่เห็นในภาพ เป็นผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองยูเอชทีผสมงาดำยี่ห้อหนึ่งที่ทานค่อนข้างบ่อย เพราะอยู่ดีๆมันท้องป่อง (บวม) เลยเอามาดูวันที่ ก็เห็นว่าเขายังไม่หมดอายุเลย แต่อืดซะแล้ว เลยเอากล่องที่อยู่ข้างกันมาดู ก็พบว่าผลิตก่อนซะอีกแต่ ไม่อืดบวม เลยสรุปว่า กล่องบวมอืดนั้นคงมีอะไรผิดพลาดข้างใน และก้ไม่รู้ว่าอืดเมื่อไร ตั้งอยู่ที่ๆปกติที่เคยตั้งประจำและะเพิ่งเห็นตอนเช้า เลยถ่ายรูปไว้ แล้วก็ตั้งทิ้งไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ จะดูว่าจะระเบิดได้ไหม?? ตามประสานักวิทย์อยากรู้ จนบ่ายแก่ๆ ได้ยินเสียงฟี๊ดๆ ฟิ๊ดๆๆ บริเวณที่นั่งทำงาน ก็เลยมองหาที่มา ก็เห็นเจ้ากล่องที่บวมนั้นมีน้ำไหลออกมาจากก้นกล่องได้ด้วย ค่อยๆหยดลงพื้น สรุปว่าเกิดแรงดันจากปฎิกิริยาการหมักจากข้างในเกิดแก๊ส จนสุดที่จะทานทนแล้ว จึงเรอออกมา ตายสนิท หุ หุ  ก็เลยคิดว่าจริงๆแล้วนี่มันยังไม่หมดอายุ โดยดูจากวันที่บนกล่อง มันติดเชื้อจากที่ใด เมื่อไร ??

เปรียบเทียบอาการบวมให้เห็นว่าอ้วนๆๆๆ (ซ้ายมือกล่องปกติ)

 เอาเป็นว่าโชคดีที่ไม่ได้ทานเมื่อคืนหรือเมื่อวันก่อนหน้านั้น เพราะหากทานมันอาจออกอาการหมักในท้องแทน ล่ะก็เป็นเรื่องเหมือนกัน  เพราะมันบวม ๆๆๆๆ ฉุ!! เลยคิดว่าแม้ว่าของยังไม่หมดอายุ  แต่คนกินอาจหมดอายุได้ หากบังเอิญโชคร้าย เอาเป็นว่ามาเตือนให้ระวังสังเกตุ ก่อนจะทานอาหารเหลวกล่อง ก็ดูอายุเขาหน่อย และก็ทานคำแรกก็คงต้องสังเกตุรสชาดด้วย อย่าไว้ใจนัก อาจเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ได้ อันนี้ meepole บอกไม่ได้จริงๆว่าหากทานก่อนมันจะบวมมากนี่รสชาดจะเป็นยังไง  และก็เกิดได้กับทุกยี่ห้อ ทุกประเภทอาหารกล่องหรือกระป๋อง
ดังนั้นเราผู้บริโภคควรต้องะวังกันเอง และก็อย่าเสียดายเงินไม่กี่บาท ถ้ารู้สึกผิดสังเกตุก็ทิ้ง ชีวิตเรามีค่ามากกว่าเงินสิบ ยี่สิบบาท และหากหาหมอ ก็... หลายร้อย  หุ หุ

Tuesday, 3 January 2012

โรคอันตรายที่อยู่ไกล้เรา..ลีเจียนแนร์ อีกครั้ง


เมื่อวานและวันนี้ก็มีข่าวให้ตื่นตัว ตื่นตูม กันอีกครั้งเมื่อคนใหญ่คนโตป่วย นี่ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปป่วยหรือตายจากเรื่องนี้ก็เป็นเพียงเรื่องที่ผ่านไป ไม่มีทางเป็นข่าวนอกจากตายเป็นสิบ  meepole เคยเขียนเตือนบอกเรื่องนี้กันแล้ว และก็บอกตัวเองทุกครั้งจนตอนนี้เป็นอัติโนมัติอยู่ในสมอง ลองอ่านข่าวนี้ค่ะ (ที่มาข่าวจาก http://news.thaipbs.or.th )

พบเชื้อโรค "ลีจะแนร์" ในทำเนียบรัฐบาลฮ่องกง
Wed, 04/01/2012 - 11:20
รมว.ศึกษาธิการของฮ่องกงล้มป่วยด้วยเชื้อโรคระบาด "ลีจะแนร์" ซึ่งติดจากที่ทำการใหญ่ของรัฐบาลที่เพิ่งสร้างใหม่มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
การตรวจสอบระบบน้ำทั่วที่ทำการใหญ่ของรัฐบาลฮ่องกงเกิดขึ้นทันที หลังมีแนวโน้มว่า รมว.ศึกษาธิการจะล้มป่วยด้วยเชื้อโรค "ลีจะแนร์" โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเปิดเผยว่า จากการสุ่มตัวอย่างในห้องน้ำ พบเชื้อโรค "ลีจะแนร์" สูงเกินมาตรฐานถึง 14 เท่า

"ลีจะแนร์" เป็นเชื้อแบคทีเรีย โดยมีที่มาจากการระบาดของโรคปอดบวมในสหรัฐฯ เมื่อ 36 ปีที่แล้ว โดยระหว่างนั้นผู้เข้าร่วมประชุมองค์กรการกุศลที่มีชื่อว่า "อเมริกัน ลีเจี้ยน" ในเมืองฟิลาเดลเฟีย พากันติดเชื้อ และเนื่องจากเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ไม่เคยพบมาก่อน จึงได้มีการตั้งชื่อแบคทีเรียที่พบใหม่นี้ว่า "ลีจะเนลล่า" โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น และไอ
แบคทีเรีย "ลีจะเนลล่า" ชอบอยู่ในน้ำอุ่น อุณหภูมิระหว่าง 25-40 องศาเซลเซียส ส่วนสาเหตุที่มาพบในที่ทำการใหญ่ของรัฐบาลฮ่องกง ซึ่งเป็นอาคารสร้างใหม่มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทนี้ เจ้าหน้าที่ฮ่องกงก็อ้างว่า ก่อนเปิดอาคารไม่ได้ระบายน้ำสกปรกทิ้ง  (อันนี้คงเป็นข้อแก้ตัวที่ต้องทำ...แต่หากใครอยากทราบเรื่องราว สาเหตุ ข้อควรระวังของเรื่องนี้ ก็ขอให้ลองไปอ่านที่ meepole เขียน ไว้ที่

 

โลกศิวิไลซ์...โรคศิวิไลซ์ 3

โลกศิวิไลซ์...โรคศิวิไลซ์ !!!...ภัยเงียบ 1 และ 2

 เรื่องนี้เกิดได้ทุกที่ ไม่ว่าอาคารใหม่หรือเก่าไม่ไช่ประเด็น  แต่สภาพแวดล้อมการรักษาความสะอาดของสถานที่ อุปกรณ์เครื่องใช้ เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะปัจจุบันที่ทุกอาคารติดแอร์ ใช้แอร์ระบบที่จ่ายต่อถึงกัน ซึ่งประหยัดแต่หากมีโรคติดต่อก็จะไปตามต่อที่อยู่แต่ละห้องหมด และตอนนี้ที่น่ากลัวยิ่งกว่าแต่เชื่อว่าไม่มีใครคิดถึงต้องรอให้มีข่าวเศร้าเกิดก่อน คือการที่สถานศึกษาตอนนี้ทุกแห่งจะมีแอร์ใช้ในห้องเรียนกันหมด กระทั่งเด็กอนุบาล ประถมก็ไม่เว้น ผู้ปกครองหลายคนถ้าไม่มีแอร์ก็ไม่อยากให้ลูกเรียนกลัวลูกลำบากแต่ไม่กลัวลูกติดเชื้อ เชื้อที่ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นลีเจียนแนร์ แค่สารพัดหวัด  ไวรัสตับ และเด็กยังมีภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่ ติดเชื้อง่าย แค่นี้ก็ทำให้เด็กๆอ่อนแอ ไม่แข็งแรงไปจนโตได้ทีเดียว เพราะเด็กแต่ละคนมาจากต่างครอบครัวที่มีสิ่งแวดล้อมด้านความสะอาดที่ต่างกัน ดังนั้นคิดอะไรให้รอบคอบเสมอ ยิ่งตอนนี้สังคมที่เราอยู่มีความหลากหลายของคุณภาพชีวิตมาก สุขอนามัยจึงถูกละเลยแม้ในสถานศึกษา