ที่มาภาพ: familyhomesecurity.com
by meepole
ปัจจุบันจะเห็นว่าในสังคมเรานอกจากจะมีเพศหญิง เพศชาย ตามปกติที่ธรรมชาติสร้างกันมาแล้ว เรายังมีลักษณะที่ไม่ตรงกับเพศที่กำเนิดมา ที่เรามักเรียกกันในยุคนี้ว่า การเบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งเป็นเรื่องภาวะด้านจิตใจ ส่งผลมาถึงบุคลิกและพฤติกรรม เกิดได้กับทั้งสองเพศ ทำให้มีคำเรียกทางสังคมมากมายขึ้นในยุคนี้ มีงานวิจัย ข้อสมมุติฐานมากมายที่พยายามหาคำตอบอธิบายในเรื่องนี้อยู่ว่ามันเกิดจากอะไร หรือเกิดได้อย่างไร ซึ่งข้อสันนิษฐานมีทั้งกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดูจากครอบครัว อาหาร และสารเคมี เป็นต้น
ปัจจัยจาก สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดูจากครอบครัว เด็กๆคงเลี่ยง เปลี่ยนได้ยาก หรือจะเลี้ยงดูแบบไหน เป็นปัจจัยภายนอกที่จะควบคุมได้ลำบาก เพราะมันคงต้องเป็นเช่นนั้น ส่วนกรรมพันธุ์ เป็นอะไรที่เปลี่ยนไปไม่ได้แล้ว ส่วนสารเคมีที่มีในทั้งอาหารและของใช้ต่างๆเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ เรียนรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคสะสมอยู่ในร่างกายจนส่งผลต่อระบบต่างๆแล้วทำให้เกิดการเบี่ยงเบนทางเพศ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ปัจจุบันมีการค้นพบสารเคมีหลายชนิดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเบี่ยงเบนทางเพศ ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยสารเหล่านี้ถูกสังเคราะห์ใช้ในด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม ปนในเครื่องใช้ ของใช้ต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ชาวบ้านทั่วไปจะรู้เรื่อง รู้จักสารเหล่านี้ นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่นับวันจะทำให้การเบี่ยงเบนทางเพศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหากจะเกิดคำถามว่าการเบี่ยงเบนทางเพศแล้วเป็นยังไง ทำให้ใครเดือดร้อน นั่นไม่ไช่ประเด็นของการเขียนเรื่องนี้ แต่ที่เขียนเรื่องนี้เพราะหากพ่อแม่คนใด หรือกระทั่งเด็กที่สามารถอ่านหนังสือเข้าใจ อยากมีเพศตรงตามธรรมชาติที่ได้กำเนิดมาได้มีโอกาสอ่านและทราบ จะได้สามารถนำไปป้องกันความเสี่ยงอันอาจเกิดได้ และที่สำคัญสารก่อเกิดการเบี่ยงเบนทางเพศนั้นสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพด้านอื่นๆด้วย นั่นเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง
ลองมาทำความรู้จักสารก่อเกิดการเบี่ยงเบนทางเพศบางตัวที่ได้มีการศึกษาแล้ว ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเราๆท่านๆก็ใช้กันอยู่โดยไม่รู้ตัว
สารฟธาเลต
คุณผู้หญิงทั้งหลาย ตลอดจนคุณผู้ชายทันสมัยบางคน มักจะเข้าร้านเสริมสวย สระผม ไดร์ผม ช่างทำผมตกแต่งเสร็จก็จะฉีดสเปรย์ใส่ผม สเปรย์ฉีดผมก็จะมีสารชนิดหนึ่งมากเป็นพิเศษ คือ สารฟธาเลต (Phthalate อ่านว่า ธาเลต) ซึ่งจากการศึกษาวิจัยในประเทศอังกฤษระบุว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ใช้สเปรย์ฉีดผมมาก มีโอกาสที่ลูกในครรภ์จะป่วยเป็นโรคไฮโพสปาเดียส (Hypospadias) สูงถึง 2 เท่าตัว โรคนี้จะทำให้ท่อปัสสาวะของผู้ชายมีลักษณะผิดปกติ และมีการพบว่ามีส่วนทำให้น้ำหนักตัวของทารกแรกเกิดน้อยกว่าปกติด้วยนอกจากนี้ ยังพบว่าสารนี้ยังก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนทางเพศของเด็กชาย โดยกระบวนการเบี่ยงเบนทางเพศเป็นลักษณะหญิง จะเกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์ เมื่อมารดาได้รับสารพิษจะทำให้การทำงานของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนของเด็กชายในครรภ์ถูกรบกวน แม้กระทั่งเป็นหนุ่มแล้วสารนี้ก็มีผลต่อคุณภาพของน้ำเชื้ออสุจิอีกด้วย ลองอ่านข้างล่างนี้แค่ส่วนหนึ่งให้เชื่อมั่นว่าน่าขยอง...(ขยาด+สยอง)
“Animal studies have shown consistently that phthalates depress testosterone levels. Recent human studies have found that phthalates are associated with poor semen quality in men and subtle changes in the reproductive organs in boy babies.”(Stahlhut R., M.D., M.P.H., The University of Rochester)
นักวิจัยพบว่าเด็กชายที่ได้รับสารฟธาเลตสูงตั้งแต่อยู่ในครรภ์จะไม่ชอบการเล่นของเล่นพวกรถไฟ หรือปืน พูดง่ายๆคือไม่ชอบของแบบเด็กผู้ชายชอบเล่น อีกทั้งไม่ชอบการเล่นที่รุนแรง แต่กลับสนใจการละเล่นหรือของเล่นที่เด็กหญิงชอบเช่น ตุ๊กตา สนใจของสวยงาม ทาเล็บสีสวย ลิปสติกสีสด เป็นต้น
นอกจากในสเปรย์ฉีดผมแล้ว สารฟธาเลตยังพบมากในไวนิล พีวีซี และพลาสติกหลากหลายชนิดด้วย (ไว้ตอนต่อไป) ดังนั้นหากแม่กำลังตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์ฉีดผม สเปรย์ปรับอากาศ น้ำยาย้อมผม น้ำยาทำความสะอาดสุขภัณฑ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม และยาระงับกลิ่นกายทั้งหลายจะเป็นการดีที่สุด
เพิ่มเติม ในเพศชาย ฮอร์โมนเพศจะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และเริ่มมากขึ้นอีกครั้ง ในช่วงของวัยรุ่นจนเป็นหนุ่มเต็มที่.. จากนั้นก็จะอยู่คงที่ในช่วงวัยผู้ใหญ่จนอายุประมาณ 40-45 ปี การสร้างฮอร์โมนเพศชายก็จะค่อยๆลดลง