Wednesday, 30 March 2011

เปลี่ยนวิถีชีวิต ลดพิษให้ร่างกาย (3) อยู่ดี .. อยู่ถูกต้องจริงหรือ

  2 H ที่ปรารถนา (2): อยู่ดี ..  อยู่ถูกต้องจริงหรือ
by meepole

(ต่อ)  ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องของการ “กินดี” คราวนี้มาต่อกันที่.........



 อยู่ดี

คำจำกัดความ ของการ "อยู่ดี " ในที่นี้  ไม่ใช่บ้านใหญ่ ราคาแพง หรือเป็นคฤหาสน์หรู เพราะที่กล่าวมานี้อาจสร้างความรู้สึกที่อยู่สบาย (ทางกาย)  หรือสุขสบายใจที่มีบ้านใหญ่โตสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรง เท่านั้น แต่"อยู่ดี"ในที่นี้หมายถึง อยู่ปลอดภัย (ปลอดภัยก็ไม่ใช่กลัวขโมย) ปลอดภัยจากสารพิษ สารอันตราย สารระเหยต่างๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพ โดยส่วนมากเราเองเป็นผู้นำเข้ามาในบ้าน โดยไม่รู้ว่ามีอันตรายหรือไม่ อย่างไร แม้กระทั่งมีอาการเจ็บป่วยที่เป็นสัญญาณเตือนแล้วก็ยังคิดไม่ถึง เพราะไม่ได้ใส่ใจ หรือเพราะไม่รู้ (จริงๆตัวไม่รู้ และไม่พยายามจะรู้ หรือละเลย บางครั้งก็อันตราย)

 อะไรเป็นสัญญาณเตือน

เคยมีใครในครอบครัวที่มีอาการต่อไปนี้หรือไม่  อ่อนเพลียบ่อย ไม่มีแรงอ่อนล้า  เซื่องซึม  ขี้เกียจ วูบวิงเวียน ปวดกล้ามเนื้อ  ปวดท้องน้อยเรื้อรัง  ปวดหัวบ่อย จมูกแห้ง ตาแห้ง ปากแห้ง ไอ โดยไม่มีสาเหตุ  ซึมๆเศร้าๆ  หลงๆลืมๆ (ก่อนเวลาอันควร) ตลอดจนรู้สึกเหมือนแพ้อะไรซักอย่าง แต่ไม่สามารถหาคำตอบได้ เมื่อเวลาผ่านไปอาการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ   เหล่านี้เป็นต้น


หากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นก็เป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งว่าร่างกายมีความผิดปกติและคงต้องใส่ใจ ก่อนที่จะสะสมมากขึ้น นานวันจะกลายเป็นโรคร้ายที่แก้ได้ยาก ทรมานทั้งคนป่วย ลำบากทั้งคนดูแล แม้ว่าจะเต็มใจดูแลก็ตาม

 ดังนั้นแม้ว่าจะ "กินดี" ระมัดระวัง กินถูกต้องตามหลักโภชนาการ แล้วแต่ก็ยังมีอาการดังกล่าวแล้วล่ะก็ ต้องหันมาเอาใจใส่กันที่ "อยู่ดี" ว่าอยู่ถูกต้อง หรือไม่ ดังที่บอกในตอนต้นว่าสิ่งที่ควรใส่ใจคือ อาการหรือโรคที่ไม่มีสาเหตุ ดังกล่าว เพราะทุกอย่างมีที่มาที่ไป เพียงแต่ยังหาสาเหตุยังไม่เจอ และจริงๆแล้วมันอยู่กับเราทั้งที่บ้านและที่ทำงาน และแม้กระทั่งหากยังไม่เคยมีอาการดังกล่าวอาจเพราะไม่สังเกตุตัวเองหรือเพราะทำงานจนไม่มีเวลาใส่ใจ ก็ควรต้องหันมาใส่ใจกตัญญูต่อร่างกายตัวเอง มันจะได้อยู่รับใช้เราไปนานๆ อย่าให้มันแฝงตัวสะสม จนเกิดโรคร้ายแรง เพราะมันไม่คุ้มค่า



ดังนั้นคงต้องมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทั้งวัน หรือทั้งคืนกัน ว่าที่เราคิดว่าน่าจะไม่มีอะไร หรือไม่เคยคิดว่ามีอะไร ก็น่าจะมีอะไรแล้วล่ะค่ะ

แล้วอะไรที่น่าจะมี ในบ้าน. ???????  ที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว ..............ติดตามในตอนต่อไปค่ะ

Tuesday, 29 March 2011

กินดี .. อยู่ดี ชีวิตเปี่ยมคุณภาพ

กินดี .. อยู่ดีอย่างไร ให้ชีวิตเปี่ยมคุณภาพ

by meepole

กินดี

คำจำกัดความ ของการ "กินดี " ในที่นี้  ไม่ไช่อาหารแพง แต่คือ กินอาหารที่ปลอดภัย เป็นประโยชน์ อย่างสมดุลกับความต้องการของร่างกาย เพราะส่วนมากเราจะกินตามอารมณ์ปรารถนา เวลากินใจมักเป็นใหญ่เสมอ ไม่เคยคิดแทนร่างกายว่าตัวเราน่ะมันมีไขมันเกินแล้ว อ้วนเกินไป ควรลดหน่อย

หากเรามั่นใจแล้วว่าเราเป็นคนที่เลือกอาหาร พิถีพิถันทุกอย่าง แถมถ้าคิดเลขเร็ว ก็อาจอ่านฉลากแล้วคำนวณแคลอรี่กันเลย  แต่กระนั้นบางคนทานมังสวิรัติ ทานเจกัน แต่ทำไมหลายๆคนก็ยังต้องกินยาบำรุงบ้าง ยารักษาโรคบ้าง เป็นประจำและยิ่งตอนนี้อาหารเสริม อาหารสุขภาพ สารพัดสารต่างๆที่อ้างสรรพคุณ ในท้องตลาดมากมาย โฆษณาก็โหมกันเต็มทุกสื่อ จนเลือกไม่ถูก และไม่แน่ใจควรจะซื้อหามากินหรือไม่


ช่วงที่มีโฆษณาสินค้าอาหารแปลกๆออกมา เพื่อนและญาติเพื่อนมักจะอยากลองซื้อหามา แต่ก็มักจะไม่สบายใจหลังจากคุยกับ meepole แล้วเพราะจะถูกเบรก  ไม่ได้ดั่งใจ อดจ่ายเงินซื้อ (ไม่รู้ไปแอบซื้อกันหลังจาก หายกลัวแล้วหรือเปล่า) เพราะ meepole เชื่อในวิถีชีวิตแบบ minimum ทุกอย่างควรเป็นไปโดยสมดุลกับธรรมชาติ ให้มากที่สุด

ในอตีตคนรุ่นปู่ย่า ตายาย ไม่รู้จักอาหารเสริม ไม่มีสารพัดน้ำชนิดต่างๆ ที่อวดสรรพคุณมากมาย ราคาแพงมากพอๆกับสรรพคุณที่โฆษณาเกินจริง  แต่ทุกคนส่วนมากอายุยืน ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคที่มีกันมากมายเช่นในปัจจุบัน เช่นโรคภูมิแพ้ (ที่ถูกแถมมาตั้งแต่เกิด) โรคไต สารพัดมะเร็ง  เพราะอะไร ??  เป็นวิถีชีวิตที่ควรศึกษาและคำนึงถึง

 สำหรับ meepole แล้วคิดว่าเพราะคนสมัยก่อนใช้วิถีชีวิตทุกอย่าง minimum กินแต่พอกิน ไม่ต้องปรุงแต่งด้วยสารพัดสารปรุงแต่ง หรือใช้น้ำจิ้มร้อยสูตร หุงหาอาหารกันเอง  หมู ไก่ เลี้ยงด้วยอาหารธรรมชาติ  ปลา กุ้งหาได้จากท้องน้ำที่ไม่มีน้ำเสียจากโรงงาน ผักผลไม้ที่ปลูกและออกผลถูกต้องตามฤดูกาล ไม่มีสารเร่งสารพัดที่จะทำให้มีกินตลอดปี



 แต่ปัจุบันสภาพ สภาพแวดล้อมเปลี่ยน สังคมเปลี่ยนทุกอย่างรีบเร่งรัดตัว ไม่มีเวลาพิถีพิถัน  ไม่มีเวลาพิจารณาเลือกมากนัก ไม่มีเวลา...มารู้ตัวอีกครั้งก็พบว่าต้องกินยาเป็นประจำ  ต้องงดอาหารที่เคยโปรด ต้องพบหมอทุกๆ เดือน  คราวนี้ข้ออ้างที่ว่าไม่มีเวลายังไง .....ก็ต้องมี
 ...หลายคนอาจมั่นใจว่าตัวเอง กินดี แต่ทำไมยังรู้สึกสุขภาพไม่ดีเท่าที่ควร ปวดเมื่อย ภูมิแพ้ อ่อนเพลีย และอื่นๆ แสดงว่า มันน่าจะมีอะไรมากกว่าคำว่า "กินดี "หรือไม่

พบกันในตอนหน้า ค่ะ

เปลี่ยนวิถีชีวิต ลดพิษให้ร่างกาย (2): 2 H ที่ปรารถนา


เปลี่ยนวิถีชีวิต ลดพิษให้ร่างกาย (2):  2 H ที่ปรารถนา
Healthy และ Happy คือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ??   หากเราต้องสัมผัสกับ สารปนเปื้อน สารอันตรายต่างๆรอบตัวเรามากมาย จากอาหาร อากาศ ที่เลี่ยงไม่ได้ สุขภาพที่ทรุดโทรมลงทุกวันโดยอาจไม่รู้ตัว ภูมิแพ้ อ่อนเพลีย ปวดหัว ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งจริงๆล้วนมีที่มาที่ไปทั้งสิ้น .... แต่เพราะชีวิตไม่ไช่เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่จะจัดการเปลี่ยนรื้อกันในวันเดียวเสร็จ เพียงแต่ว่าแค่คิดจะเปลี่ยน ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนแล้วล่ะค่ะ แล้วติดตาม series นี้ กันนะคะ ถ้าไม่อยากให้สุขภาพทรุดก่อนวัยอันควร
  Healthy และ Happy คือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร หากเราต้องสัมผัสกับ สารปนเปื้อน สารอันตรายต่างๆรอบตัวเรามากมาย ที่เรามักจะแก้ตัวให้มันว่า ทำยังไงได้ล่ะก็มันเลี่ยงไม่ได้  จริงๆแล้วมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่หาทางออกให้ตัวเองเก่งที่สุด เพียงแต่คิดจะทำและพยายามทำหรือไม่ 

แล้วจะทำอย่างไรให้ชีวิตของเราสามารถอยู่ดี มีสุขได้นานๆ

 จากประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษา (จำเป็นแต่เต็มใจ) ให้กับหลายร้อยครอบครัวที่ผ่านมา สรุปได้ว่าต้องเริ่มที่ตัวเอง  เริ่มที่ต้องมีความตั้งใจจะทำจริงๆ (เพราะบอกเสร็จวางกองตรงนั้น กลับบ้านไม่ทำ พอป่วยถามใหม่อีก..เฮ้อ!) 

ลองสำรวจตัวเราดูว่าเป็นแบบนี้ไหม ?? เรามักจะทำงานกันผ่านไปแต่ละวันๆ บางวันรีบเร่ง แบกเรื่องรอบตัวไว้ ไม่มีเวลาพัก จนหลายครั้งลืมที่จะหยุดทุกอย่างแล้วมาทบทวนหรือปรับชีวิตครอบครัว

ดังนั้น ต้องหาเวลาว่างให้กับตัวเองและครอบครัวก่อน  หยุดคิดเรื่องงานสักครู่  มาทบทวนวิถีชีวิตตัวเองที่ผ่านมาและกำลังดำเนินไป  ถ้าคิดว่าดี ก็ทำต่อไป แต่หากไม่แน่ใจ ก็อ่านติดตามบทความชุดนี้ต่อ (ยิ้ม) แล้วค่อยปรับเปลี่ยน 

ถ้าไม่มีความคิดที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือมั่นใจแล้วว่านี่เป็นวิถีชีวิตที่ใช้ลงตัวและเลือกแล้ว บทความชุดนี้จะไม่มีประโยชน์กับท่านแน่นอน ก็ say bye!  แต่หากมีความคิดว่าน่าจะลองดู หรือเคยคิดอยากเปลี่ยนแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี  ก็มาติดตามตอนต่อๆไปเรื่อยๆ เพราะชีวิตไม่ไช่เสื้อผ้าสำเร็จรูปจะจัดการเปลี่ยนรื้อกันในวันเดียวเสร็จ แต่ว่าเพียงแค่คิดจะเปลี่ยน ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนแล้วล่ะค่ะ

 กินไม่ดี...อยู่ดี   ****  กินดี...อยู่ไม่ดี แล้วจะดีได้อย่างไร

ไม่มีใครปฏิเสธ ที่ความต้องการพื้นฐานของเราทุกคนคือคือ กินดี  อยู่ดี เพราะเราทุกคนต้องการความสุข ไม่ว่าจะสุขแท้ หรือ สุขเทียม แต่มันก็คงจะสุขได้ยาก หากสุขภาพไม่แข็งแรง เข้าโรงพยาบาลเป็นบ้านที่สอง กินยาเป็นกำมือ หลังและก่อนอาหาร  ปวดเมื่อย อ่อนเพลียบ่อย (ทั้งที่น่าจะยังไม่แก่)  ดังนั้นสุขภาพดีจึงเป็นสุดยอดปรารถนา  ซึ่งต้องมาพร้อมกับการกินดี  และ อยู่ดี หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง 2 H ที่ปรารถนาคงเป็นไปได้ยาก

ติดตามตอนต่อไป ในหัวเรื่อง  กินดี .. อยู่ดี อย่างไร ให้ชีวิตเปี่ยมคุณภาพ

Monday, 28 March 2011

เปลี่ยนวิถีชีวิต ลดพิษให้ร่างกาย

เปลี่ยนวิถีชีวิต ลดพิษให้ร่างกาย

(Green living lifestyle)                                   by meepole

 ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มักจะใช้ชีวิตแบบไม่คิดอะไร (lifestyle แบบไร้สไตล์) รวมทั้งไม่ใส่ใจสุขภาพมากนัก ไม่พิถีพิถันที่จะเลือกกินเลือกใช้ อยากกินก็ซื้อ (คิดมากเดี๋ยว..อด) และยังชอบที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆตามกระแสโฆษณา (ไม่งั้นตกเทรน...อายแย่เลย!!)

 “เปลี่ยนวิถีชีวิต” !! จำเป็นถึงขนาดนี้เชียวหรือ การเปลี่ยนในที่นี้เป็นการเปลี่ยนด้วยการรักตัวเองให้มากขึ้น เปลี่ยนที่จะเลือกบริโภคสินค้าทุกชนิดที่มีส่วนผสมปนเปื้อนของสารเคมีอันตราย สารพิษ ให้น้อยที่สุด หรือหลีกเลี่ยงที่จะไม่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเลย

สำหรับบางคนคงปฎิเสธทันที เพราะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยน เพราะใช้ชีวิตแบบที่เป็นมาตั้งนาน ก็ยังเป็นปกติดีอยู่ ทำไมต้องเปลี่ยน ....และสำหรับบางคนก็รีรอขอคิดก่อนว่าจะเปลี่ยนดีหรือไม่ ดูผลดีผลเสียก่อน
และแน่นอนก็ต้องมีบางส่วนที่ตัดสินใจเปลี่ยนวิถีชีวิตทันทีหลังจากอ่านติดตามข้อเขียนต่อๆไป (ต้องใจเย็นๆ...คนเขียนแก่แล้ว กดแป้นช้า)

 วิถีชีวิตในรูปแบบใหม่ที่คนในหลายๆประเทศกำลังมุ่งแสวงหาไปสู่ และพยายามเปลี่ยนที่เรียกว่า วิถีสีเขียว หรือ การใช้ชีวิตแบบ green living lifestyle ซึ่งเป็นการดำเนินวิถีชีวิตที่ปลอดสารพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 การบริโภค การเลือกใช้ผลิตภัณท์ของเราจะเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสิ่งแวดล้อม หากรู้จักเลือกใช้วิถีชีวิตรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อถนอมสุขภาพของเราด้วย


วันนี้ลองทำการบ้านด้วยการสำรวจตัวเราก่อนว่าเรามีวิถีชีวิตในการกิน อยู่ อย่างไร มีความพิถีพิถัน ระมัดระวัง หรือหาความรู้เกี่ยวกับอาหาร สุขภาพบ้างหรือไม่ ถ้าไม่คุณคงต้องเริ่มแล้วล่ะ ก่อนที่จะสายเกินไป...หากยังไม่มีเวลาก็อาจติดตามบทความสั้นๆในนี้ไปเรื่อยๆก็ได้นะ ถือว่า update วันละนิดๆๆ  จนกว่าคุณจะรักตัวเองและครอบครัวมากขึ้น คุณก็จะลุกขึ้นมาปฎิบัติอย่างตั้งใจ  แค่เปลี่ยนความคิด ก็ลดพิษไปครึ่งหนึ่งแล้วล่ะ

Sunday, 27 March 2011

เกริ่นนำ...ภายใต้ บ้านปลอดพิษ ชีวิตมีธรรม

เกริ่นนำ...เรื่องราว ที่จะดำเนินไปในส่วนเล็กๆ ของโลกใบใหญ่

ภายใต้ "บ้านปลอดพิษ ชีวิตมีธรรม" จะเสนอทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับ

สรรพ์สิ่งในรั้วบ้าน
คุณภาพชีวิตในครอบครัว
วิถีชีวิตที่ดำเนินไปอย่างสุขสงบ (peaceful family) ตลอดจน
สิ่งแวดล้อมที่เป็นไปรอบตัว และเปลี่ยนไป ; วิถีชีวิตสีเขียว

Non-toxic home
Peaceful family
Green Life Style and Sustainable Living

มีทั้งข้อเขียนวิชาการ และเรื่องเบาๆ เพลินๆ สบายๆ กวนๆ บ้าง ตามวัยของผู้เขียน (วัยทอง)
อ่านแล้วบางเรื่องก็อย่าไปคิดมาก แต่ก็อย่าลืม เผื่อจะได้ดึงเอามาใช้ได้ดูแลตัวเองและคนรอบข้าง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

ภาพ: มุมที่รัก ณ.บ้านพักที่ Brandon street, London ,UK 2004


ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นส่วนเล็กๆของสังคม ที่จะมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม เพื่อตอบแทนแผ่นดินที่ให้ชีวิต ให้โอกาส และพร้อมเรียนรู้โลกของสังคมรอบด้านเพื่อพัฒนาตัวเองเช่นกัน

ด้วยประสบการณ์และความรู้ ที่เล่าเรียนมาด้วยทุนของแผ่นดิน ภาษีของคนไทย ขอมอบคืนกลับด้วยความรู้เท่าที่พอมี..ความดีที่ครอบครัวได้ปลูกฝังมา

บทความที่อยู่ในblogนี้ บางส่วนมาจากการค้นเพื่อสอน จากการบรรยาย จากงานวิจัย จากคุยแลกเปลี่ยนความรู้ เพราะทุกๆแหล่งข้อมูลล้วนมีประโยชน์ นำมารวบรวม เผยแพร่ให้สำหรับหลายๆคนที่ไม่มีเวลา และได้เข้ามาอ่านที่นี่แล้วได้สิ่งที่เกิดประโยชน์ออกไปใช้  (meepole ไม่ใช้ facebook, twitter หรือช่องทางใดๆที่เผยแพร่ blog นี้ ดังนั้นหากท่านใดที่คิดว่าบทความใดในนี้มีประโยชน์ต่อส่วนรวมก็สามารถ link ไปได้ค่ะ)  บอกต่อ ก่อเกิดบุญ :)

ความรู้คือประทีปส่องสว่าง

การให้แสงสว่างแก่ผู้อื่น ไม่มีวันทำให้แสงสว่างของตัวเองอับเฉาได้ มีแต่จะช่วยกันทำให้โลกนี้สว่างไสวมากขึ้น

และติดตามวิถีที่สุขสงบได้ที่
http://meecorner.blogspot.com/  เชิญชวนเข้าไปพักใจกันได้ค่ะ